Recent posts

#11
สุดจัด  :-[
#12

Kawasaki W175 เป็นโมเดลใหม่ล่าสุดในตระกูล W มันคือรถจักรยานยนต์เรโทรพันธุ์แท้ ขนาดเล็กที่จะทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับเสน่ห์เเห่งการเดินทาง ด้วยรูปลักษณ์ที่ย้อนยุคมาพร้อมกับสมรรถนะที่เหนือชั้น ก็ส่งผลให้มันเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความสนใจ

Kawasaki W175 มีมิติตัวรถที่ไม่เลวเลยทีเดียว โดยมีความกว้างอยู่ที่ 765 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 1,930 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,030 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,275 มิลลิเมตร ส่วนความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 165 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะนั่งที่ 775 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 13.5 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 126 กิโลกรัม เป็นรถอีกรุ่นที่มีขนาดน่าสนใจ

สมรรถนะของ Kawasaki W175 ก็นับว่าน่าสนใจเพราะมาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดี่ยว ที่มีขนาด 177 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์เเบบ Air-cooled, 4-stroke Single มีระบบวาล์วเเบบ SOHC, 2 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 65.5 x 52.4 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 9.1 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา โดยมีระบบเกียร์เป็นเเบบ 5 สปีด, ย้อนกลับ โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ DC-CDI ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Carburettor: Mikuni VM24 โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า นับว่าเป็นรถขนาดเล็กที่มีสมรรถนะไม่เลวเลยทีเดียว

Kawasaki W175 นั้นได้รับการออกเเบบเฟรมมาในเเบบเฟรมเปลคู่ SEMI-DOUBLE CRADLE ที่มีความแข็งแกร่งสูง ส่วนทางด้านระบบกันสะเทือนหน้าเป็น φ30 mm telescopic fork ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Swingarm, dual shock absorbers with spring preload adjustability ระบบเบรคด้านหน้าจะเป็นเเบบ Single φ220 mm disc. Caliper 2-piston ระบบเบรคด้านหลังจะเป็นเเบบ Drum, φ110 mm โดยที่ยางหน้ามีขนาด 80/100-17M/C 46P ส่วนยางหลังมีขนาด 100/90-17M/C 55P โดยแฮนด์บาร์, เบาะและพักเท้าถูกเซ็ตมาในตำแหน่งที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นธรรมชาติ  เบาะไล่ระดับแบบ Stepped seat ดีไซน์คล้ายกับเบาะของ W800 เพิ่มเสน่ห์แบบเรโทรให้แก่ W175 เบาะบุนุ่มมีความหนาช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ให้ตำแหน่งท่านั่งที่รีแล็กซ์ นั่งสบายทั้งคนขี่และคนซ้อน ส่วนปลายท่อไอเสียสไตล์ PEASHOOTER-STYLE สุดคลาสสิค โดยตัวบอดี้มี 3 สีด้วยกันทั้งสี PEARL CRYSTAL WHITE (2018), สี METALLIC RESPLENDENT SILVER (SE) (2018) เเละสี METALLIC SPARK BLACK (SE) (2018) เรียกว่าสวยงามน่าใช้งานทุกสี

ส่วนทางด้านของราคาขายนั้น Kawasaki W175 เคาะราคาขายออกมาที่ 83,000 บาท สำหรับรุ่นที่มีตัวถังสี PEARL CRYSTAL WHITE (2018) ส่วนรถที่มีตัวถังสี METALLIC RESPLENDENT SILVER (SE) (2018) เเละสี METALLIC SPARK BLACK (SE) (2018) จะมีเรทราคาขายที่ 86,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เบาๆ น่าคบ น่าใช้งานอย่างยิ่งอีกรุ่น

#13

คาวาซากิ เป็นเเบรนด์มอเตอร์ไซด์ญี่ปุ่นอีกเเบรนด์ที่ผลิตรถยนต์ออกมามากมายหลากหลายรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เเละหนึ่งในนั้นก็คือ Kawasaki Ninja 650 บิ๊กไบค์ระดับกลางๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ชวนให้หลงใหลในความเเรงเเละเร็วของสมรรถนะเครื่องยนต์ รวมไปถึงรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Kawasaki Ninja 650 นั้นมาพร้อมกับมิติตัวรถที่มีความน่าสนใจไม่น้อยสำหรับรถขนาดกลาง โดยมันมาพร้อมกับความกว้างอยู่ที่ 740 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,115 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,145 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,410 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 130 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 790 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 15 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 193 กิโลกรัม เป็นรถขนาดกลางๆ ที่มีมิติตัวรถที่น่าสนใจไม่น้อย

ทางด้านขุมกำลังเครื่องยนต์ของ Kawasaki Ninja 650 นั้นก็น่าสนใจอีกเช่นกัน เมื่อมันพกพาความเเรงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 649 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke Parallel Twin มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 8 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 83.0 x 60.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 10.8 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นเเบบ  Wet multi-disc, manual โดยมีระบบส่งกำลัง 6-speed, return  โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø36 mm x 2 with dual throttle valves โดยมีระบบสตาร์ทเป็นเเบบ Electric เป็นรถขนาดกลางๆ ที่มีสมรรถนะสูงก็รุ่นของคาวาซากิ

Kawasaki Ninja 650 มาพร้อมกับเฟรมเเบบอลูมิเนียม TWIN-SPAR / สวิงอาร์มอลูมิเนียม โดยเชื่อมต่อเป็นแนวตรงจากคอไปจนถึงแกนสวิงอาร์ม ทางด้านระบบกันสะเทือนหน้านั้นเป็นเเบบ ø41 mm telescopic fork ส่วนระบบกันสะเทือนหลังนั้นจะเป็นเเบบ Horizontal Back-link with adjustable preload โดยมีระบบห้ามล้อหน้าเป็นเเบบ Dual semi-floating ø300 mm petal discs, Caliper- Dual piston ส่วนระบบห้ามล้อหลังนั้นจะเป็นเเบบ Single ø220 mm petal disc, Caliper- Single-piston โดยมีขนาดยางหน้า 120/70ZR17M/C (58W) ส่วนขนาดยางหลัง 160/60ZR17M/C (69W) หน้าจอเเสดงผลเป็นรูปเเบบใหม่ที่ขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ all-digital TFT colour บรรจุระบบ KAWASAKI TRACTION CONTROL ทำงานได้ถึง 3 โหมด โคมไฟหน้ามีความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวสวยงาม รวมไปถึงไฟเลี้ยวทั้งสองข้างและไฟท้าย โดยทำงานด้วยระบบ LED ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้านหน้ารถปราดเปรียวชวนให้นึกถึงซูเปอร์สปอร์ต Ninja ตัวบอดี้มี 2 สีให้เลือกทั้งสี LIME GREEN / EBONY (2020) กับสี METALLIC SPARK BLACK (2020)

ทางด้านราคาขายของ Kawasaki Ninja 650 นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 318,900 บาทสำหรับสีเเบบ LIME GREEN / EBONY (2020) เเละเรทราคา 313,800 บาทสำหรับสีเเบบ METALLIC SPARK BLACK (2020)
#14

Ducati XDiavel Nera นับว่าเป็นอีกหนึ่งในรุ่นที่ร้อนเเรงที่สุดของดูคาติเลยก็ว่าได้ เพราะสมรรถนะที่ทรงพลังเเละรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว เร้าใจในทุกสัมผัสกับการขับขี่

Ducati XDiavel Nera นั้นมีมิติตัวรถที่มีความสมส่วนอย่างยิ่งด้วยน้ำหนักรถเปล่าที่ 221 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 247 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 755 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,615 มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 30 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 130 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 18 ลิตร สามารถโดยสารได้ 2 คน

Ducati XDiavel Nera นั้นมาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เเรงด้วยเครื่องยนต์รุ่น Testastretta DVT 1262, V2 - 90°, 4 valves per cylinder, Desmodromic Variable Timing, Dual Spark, liquid cooled ที่มีขุมกำลังขนาด 1,262 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 106 x 71.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่  13.0 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 160 เเรงม้าที่ 9,500 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 127 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system, Øeq 56 mm elliptical throttle bodies with Ride-by-Wire system ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ Stainless steel muffler, catalytic converter and 2 lambda probes มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears, Ratio 1.84:1 มีอัตราที่ 1=37/15, 2=30/17, 3=27/20, 4=24/22, 5=23/24, 6=22/25 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Belt, front sprocket z28, rear sprocket z80 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Slipper and self-servo wet multiplate clutch with hydraulic control

Ducati XDiavel Nera นั้นมีเฟรมที่ได้รับการออกเเบบมาใหม่อย่างสวยงามเเละเเข็งเเกร่งในเเบบ Tubular steel trellis frame ซึ่งในส่วนของระบบกันสะเทือนที่ทำงานร่วมกันจะมีระบบกันสะเทือนด้านหน้าเเบบ Adjustable Ø 50 mm usd fork with DLC treatment ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังจะเป็นเเบบ Preload and rebound adjustable monoshock, remote reservoir, single-sided cast/trellis frame swingarm มาที่ระบบเบรก ด้านหน้าจะเป็นเเบบ 2 x Ø 320 mm semifloating discs, radial mounted Brembo monobloc 4-piston M50 callipers, PR16/19 radial master cylinder, Cornering ABS ส่วนด้านหลังเป็นเเบบ Ø 265 mm disc, Brembo 2-piston floating calliper, Cornering ABS ทางด้านของล้อนั้น ล้อหน้าจะเป็นเเบบ Light alloy, forged and machined, 3.5"x17" ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ Light alloy, forged and machined, 8.0" x 17" ส่วนยางนั้น ยางหน้าเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III 120/70 ZR17 ยางหลังจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III 240/45 ZR17หน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 3.5 นิ้วเเบบ TFT colour display and dedicated warning light display ระบบไฟทั้งโคมไฟหน้า-ท้าย เเละไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด เบาะหนังเเท้ที่มีให้เลือกทั้งสีเทาเเละเเดง มาพร้อมชุด Gift set Pelle Frau ประกอบด้วย Premium leather, Document holder และ key holder ออกแบบและผลิตด้วยหนังแท้โดย Poltrona Frau ซึ่งจะเป็นสีเดียวกับเบาะพร้อมหมวกกันน็อคเเบบ jet helmet ตัวบอดี้มีสีมาให้เลือก 5 สีด้วยกันทั้งสี Black on black/Siam, สี Black on black/Steel Blue, สี Black on black/Cemento, สี Black on black/India, สี Black on black/Selva

สนราคาของ Ducati XDiavel Nera เคาะออกมาที่เรท 1,399,000 บาท โดยมีเพียงเเค่ 500 คันเท่านั้น ถือว่าเป็นอีกรุ่นพิเศษๆ จากดูคาติ
#15

สปอร์ตไบค์ดังที่ได้รับความนิยมอย่างมากของดูคาติคงหนีไม่พ้นรถในตระกูลมอนสเตอร์ เเละล่าสุดสำหรับ Ducati Monster 937 ปี 2023 ถือว่ามีความน่าสนใจด้วยสมรรถนะที่ร้อนเเรงเเละรูปลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นดูคาติ

Ducati Monster 937 มีมิติตัวรถที่ถือว่าน่าสนใจอีกรุ่น ด้วยขนาดน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 166 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 188 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 820 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,474มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 24 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 93 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 14 ลิตร สามารถโดยสารได้ 2 คน ถือว่าสมส่วนลงตัวเป็นอย่างยิ่ง

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Ducati Monster 937 ถือว่าเเรงน่าขับขี่ด้วยเครื่องยนต์เเบบ Testatretta 11°, V2 - 90°, 4 valves per cylinder, desmodromic valvetrain, liquid cooled ที่มีขุมพลังขนาด 937 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 94 x 67.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 13.3 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 111 เเรงม้าที่ 9,250 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 93 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system, Ø 53 mm throttle bodies with Ride-by-Wire system ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ Pre-muffler and twin muffler, catalytic converter and 2 lambda probe มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears, Ratio 1.85:1 มีอัตราที่ 1=37/15, 2=30/17, 3=28/20, 4=26/22, 5=24/23, 6=23/24 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Chain, front sprocket z15, rear sprocket z43 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Slipper and self-servo multiplate wet clutch with hydraulic control นับว่าเป็นสเปกที่เเรงไม่ใช่เล่น

Ducati Monster 937  นั้นมีเฟรมเเบบ Aluminum alloy Front Frame ที่ได้รับการออกเเบบมาใหม่เเละผลิตด้วยวัสดุชั้นเลิศ ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็น Ø 43 mm usd fork ส่วนระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Progressive linkage, preload adjustable monoshock, aluminium double-sided swingarm ในส่วนของระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเเบบ 2 x Ø 320 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo M4.32 monobloc 4-piston callipers, radial master cylinder, Cornering ABS ส่วนเบรกหลังจะเป็นเเบบ Ø 245 mm disc, Brembo 2-piston floating calliper, Cornering ABS ส่วนล้อหน้าจะเป็น Light alloy cast, 3.5" x 17" ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ Light alloy cast, 5.5" x 17" โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III 120/70 ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso III 180/55 ZR17 โคมไฟหน้าได้รับการออกเเบบใหม่เเละเป็นเเบบ full-LED headlight พร้อมกับมี LED Daytime ไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด หน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ TFT colour พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวบอดี้มีมาให้เลือก 3 เฉดสีด้วยกัน ทั้งสีเเดง Ducati Red, สีเทา Aviator Grey และสีดำ Dark Stealth

โดยราคาขายของ Ducati Monster 937  นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 449,000 บาท ถือว่าเป็นรถอีกรุ่นที่ไม่ควรพลาด
#16

Triumph STREET TWIN GOLD LINE เป็นรถจักรยานยนต์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิคที่มีความน่าสนใจ เเละมีรายละเอียดที่สวยงามเเละโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผลิตออกมาเพียงเเค่จำนวน 1,000 คันทั่วโลก ถือว่าเป็นรถพิเศษอย่างเเท้จริงที่ไม่ควรพลาด

มิติตัวรถของ Triumph STREET TWIN GOLD LINE  นั้นเรียกว่าลงตัวเเบบสุดๆ ด้วยขนาดความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 780 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,110 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 765 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,450 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.1 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 102.4 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 12 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 217 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.1 ลิตร/100 กิโลเมตร
 
Triumph STREET TWIN GOLD LINE  มีสมรรถนะเครื่องยนต์ขั้นเเรงจัด ด้วยเครื่องยนต์เเบบ ระบายความร้อนด้วยของเหลว, SOHC 8 วาล์ว, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 900 ซีซี กระบอกสูบขนาด 84.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 66 เเรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 80 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์หลายจุดตามลำดับ ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบท่อไอเสียสเตนเลสสตีล 2 เป็น 2 พร้อมท่อเก็บเสียงคู่ ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่  โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 5 สปีด นับว่าเป็นอีกรุ่นที่มีสมรรถนะเเรงไม่เบา

ทางด้านของเฟรมนั้น Triumph STREET TWIN GOLD LINE มีเฟรมเเบบโครงท่อเหล็กพร้อมแท่นวางคู่ ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบการประดิษฐ์สองด้าน ล้อหน้าจะเป็นเเบบอลูมิเนียมอัลลอยด์แบบหลายก้าน 18 x 2.75 นิ้ว ส่วนล้อหลังจะเป็นเเบบ อลูมิเนียมอัลลอยด์แบบหลายก้าน 17 x 4.25 นิ้ว โดยยางหน้ามีขนาด 100/9-18 ยางหลังมีขนาด 150/70 R17 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบส้อม 47 มิลลิเมตร พร้อมตลับ โดยที่ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ RSU คู่พร้อมการปรับพรีโหลด  ส่วนเบรกหน้าจะเป็นเเบบจานลอยเดี่ยวØ310 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ Brembo 4 ลูกสูบคงที่, ABS ในขณะที่เบรกหลังเป็นเเบบ จานเดี่ยว 255 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์ Nissin 2 ลูกสูบลอยพร้อม ABS โดยที่แผงหน้าปัด เป็นเเบบแผงหน้าปัด LCD แบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก ไฟหน้าขนาดใหญ่ทรงกลม 1 ดวง เบาะนั่งเดี่ยวยาวจำนวน 2 ที่นั่ง ส่วนตัวบอดี้นั้นเป็นสีดำ ตัดด้วยลายเส้นสีทองสวยงามดุดันเป็นอย่างยิ่ง

สนราคาของ Triumph STREET TWIN GOLD LINE  นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 424,000 บาท
#17

Triumph New Scrambler 1200 XC Gold Line Limited Edition เป็นหนึ่งในรถจักรยานยนต์คลาสสิคโมเดิร์นของไทรอัมพ์ ที่โดดเด่นในทุกๆ ด้าน เเละผ่านการปรับปรุงอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาตรฐาน Euro 5 ทำให้มันน่าขับขี่เป็นอย่างยิ่ง

โครงสร้างตัวรถของ Triumph New Scrambler 1200 XC Gold Line Limited Edition ก็ออกเเบบมาได้อย่างลงตัว โดยมีมิติคือความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 840 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 840 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,530 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.8 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 121.0 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 16 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 205 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.6 ลิตร/100 กิโลเมตร เรียกว่าลงตัว

Triumph New Scrambler 1200 XC Gold Line Limited Edition มีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม โดยเครื่องยนต์เป็นเเบบ Liquid-cooledเครื่องยนต์สูบคู่ขนานแบบ SOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยของเหลว องศาจุดระเบิดเยื้องกัน 270 องศา8 valve, SOHC, 270° crank angle parallel-twin มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,200 ซีซี กระบอกสูบขนาด 97.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 90 เเรงม้าที่ 7,250 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 110 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงหลายจุดเป็นลำดับแบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบระบบท่อไอเสียคู่ยกสูงเข้า 2 ออก 2 ผิวปัดเงา พร้อมท่อเก็บเสียงคู่ ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่ X ring  โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด

Triumph New Scrambler 1200 XC Gold Line Limited Edition มีเฟรมเเบบโครงเหล็กคู่ เสริมเปลอะลูมิเนียม ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบแขนคู่อะลูมิเนียม ส่วนล้อหน้าเป็นเเบบวงล้ออะลูมิเนียมซี่ลวด 36 ก้านแบบไร้ยางใน ขนาด 21 x 2.15 นิ้ว ล้อหลังจะเป็นเเบบ วงล้ออะลูมิเนียมซี่ลวด 32 ก้านแบบไร้ยางใน ขนาด 17 x 4.25 นิ้  ส่วนยางหน้ามีขนาด 90/90-21 ยางหลังมีขนาด 150/70 R17 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบโช้คหัวกลับ Showa ขนาด 45 มิลลิเมตร ระยะยุบตัว 200 มิลลิเมตร ปรับตั้งได้สมบูรณ์ ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช๊ค Ohlins คู่พร้อมกระบอกสำรองน้ำมัน ปรับตั้งได้สมบูรณ์ ระยะยุบตัวล้อหลัง 200 มิลลิเมตร ส่วนเบรกหน้าจะเป็นเเบบจานเบรกคู่ Brembo ขนาด 320 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกโมโนบลอค Brembo M50 สี่สูบแบบเรเดียล ในขณะที่เบรกหลังเป็นเเบบ จานเบรกเดี่ยวขนาด 255 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบลอยตัว สองลูกสูบจาก Brembo และระบบ ABS โดยที่แผงหน้าปัด TFT แบบ Full Colour ไฟหน้าขนาดใหญ่ทรงกลม 1 ดวง เบาะนั่งเดี่ยวยาวจำนวน 2 ที่นั่ง ส่วนตัวบอดี้นั้นเป็นสีแดงตัดด้วยลายเส้นสีทอง ทำให้สวยงามไม่ใช่เล่น

ราคาขายของ Triumph New Scrambler 1200 XC Gold Line Limited Edition  ประกาศออกมาที่ 660,000 บาท
#18

Triumph BONNEVILLE SPEEDMASTER
รุ่นใหม่เป็นรถจักรยานยานต์คัสตอมคลาสสิกที่มาพร้อมท่านั่งสไตล์ครุยเซอร์ ที่มีการตกเเต่งที่สวยงามเเละพรีเมียมอย่างยิ่ง อีกทั้งด้วยภาพลักษณ์ของคัสตอมสไตล์อังกฤษที่ยังคงสไตล์นี้อย่างเเท้จริง

Triumph BONNEVILLE SPEEDMASTER
มาพร้อมกับมิติตัวรถที่ลงตัวเเละเหมาะสมอย่างยิ่ง โดยมีความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 910 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,055 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 705 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,500 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.3 องศา ส่วนเทรลอยู่ที่ 91.4 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 12 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 263 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.6 ลิตร/100 กิโลเมตร

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Triumph BONNEVILLE SPEEDMASTER นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ยนต์เเบบ ระบายความร้อนด้วยของเหลว, SOHC 8 วาล์ว, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,200 ซีซี กระบอกสูบขนาด 97.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 10.0:1 สามารถให้กำลังที่ 78 เเรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 106 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์หลายจุดตามลำดับ ส่วนระบบท่อไอเสียเป็นเเบบสเตนเลสสตีลโครเมียม 2 เป็น 2 สกินคู่พร้อมท่อเก็บเสียงสแตนเลสโครเมี่ยม ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่  โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด เป็นรถอีกรุ่นที่สมรรถนะแรงไม่เบา

เฟรมของ Triumph BONNEVILLE SPEEDMASTER จะเป็นเเบบโครงท่อเหล็กพร้อมแท่นวางคู่ ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบการประดิษฐ์สองด้าน ล้อหน้าจะเป็นเเบบซี่เหล็ก 32 ซี่ 16 x 2.5 นิ้ว ส่วนล้อหลังจะเป็นเเบบ ซี่เหล็ก 32 ซี่ 16 x 3.5 นิ้วโดยยางหน้ามีขนาด MT 90 B16 ยางหลังมีขนาด 150/80 R16 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ ส้อม 47 มิลลิเมตร พร้อมตลับ Showa โดยที่ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Monoshock RSU พร้อมการเชื่อมโยงและการปรับพรีโหลด ส่วนเบรกหน้าจะเป็นเเบบ ดิสก์คู่Ø310 มิลลิเมตร, คาลิปเปอร์แกนเลื่อน Brembo 2 ลูกสูบ, ABS ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบดิสก์เดี่ยวØ255 มิลลิเมตร, คาลิปเปอร์แกนเลื่อนลูกสูบเดี่ยว Nissin, ABS โดยที่แผงหน้าปัด LCD แบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก ไฟหน้าขนาดใหญ่ทรงกลม 1 ดวง เบาะนั่งเเยกชิ้นจำนวน 2 ที่นั่ง ส่วนตัวบอดี้นั้นมีสีขาว-ดำ สวยดุดันเป็นอย่างยิ่ง

สนราคาของ Triumph BONNEVILLE SPEEDMASTER เคาะราคาขายออกมาที่ 605,000 บาท เรียกว่าเป็นเรทราคาที่น่าสนใจสำหรับรถแรงๆ แบบนี้
#19

Harley-Davidson Nightster ปี 2023 ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ขับขี่ทั้งมือใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์ โดยได้รับการพัฒนามาจาก Sportster เพื่อให้การควบคุมที่ว่องไวและความมั่นใจในการขับขี่ ทำให้มันการเป็นรถสไตล์คลาสสิกที่มาพร้อมกับสมรรถนะที่คล่องตัว ลงตัวสวยงามสไตล์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

สำหรับมิติตัวรถของ Harley-Davidson Nightster ปี 2023 นั้นก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยมันมาพร้อมกับขนาดความยาว 2,250 มิลลิเมตร ส่วนทางด้านของระดับความสูงเบาะ ขณะไม่ได้บรรทุก อยู่ที่ 705 มิลลิเมตร ระยะใต้ท้องรถอยู่ที่  110 มิลลิเมตร ส่วนระยะเยื้องของตะเกียบหน้าอยู่ที่ 30 ในขณะที่ส่วนท้ายมีขนาด 137 มิลลิเมตร ฐานล้อ 1,545 มิลลิเมตร ยางล้อหน้าเป็นเเบบ 100/90-19 57H ส่วนยางล้อหลังเป็นเเบบ 150/80B16 77H โดยที่ยางจะเป็นเเบบยางไบแอสขอบดำ Dunlop™ Harley-Davidson Series มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 11.7 ลิตร ส่วนความจุน้ำมันเครื่อง (พร้อมไส้กรอง) อยู่ที่ 4.5 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักขณะขนส่งอยู่ที่ 211 กิโลกรัมเเละมีน้ำหนักพร้อมขับขี่อยู่ที่ 221 กิโลกรัม

ทางด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ของ Harley-Davidson Nightster ปี 2023 นั้นถือว่าเเรงเป็นอย่างยิ่ง โดยมันมาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่น Revolution Max 975 V-Twin แบบระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ให้แรงบิดในรอบต่ำ พร้อมอัตราเร่งแรงตั้งแต่สตาร์ท ด้วยขุมพลังเพื่อการขับขี่ระยะกลาง ที่มีขุมกำลังขนาด 975 ซีซี มีความกว้างของกระบอกสูบ 97 มิลลิเมตร มีจังหวะขึ้นลงของลูกสูบที่ 66 มิลลิเมตร โดยมีอัตราส่วนการอัดที่ 12.0:1 มีระบบเชื้อเพลิงเป็นระบบช่องฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์แบบต่อเนื่อง (ESPFI) เเละมีท่อไอเสียแบบ 2-ออก-1 โดยที่มีวิธีทดสอบแรงบิดเครื่องยนต์เเบบ J1349แรงบิดเครื่องยนต์อยู่ที่ 95 Nm มีแรงบิดเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) อยู่ที่ 5000 ทำให้มีกำลังแรงม้าที่ 90 HP / 67 kW @ 7500 rpm ส่วนมุมเลี้ยวขวาอยู่ที่ 32 องศา ในขณะที่มุมเลี้ยวซ้ายอยู่ที่ 32 องศาเช่นเดียวกัน ส่วนวิธีทดสอบการประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเเบบ EU 134/2014 ทำให้มีการประหยัดเชื้อเพลิงอยู่ที่ 5.5 ลิตร/100 กิโลเมตร

เฟรมของ Harley-Davidson Nightster ปี 2023 นั้นไม่ได้ใช้เฟรมสไตล์ห่วงแบบเดิม แต่ใช้เครื่องยนต์ระบบส่งกำลังเป็นส่วนรับแรงเพื่อให้ลดน้ำหนักลงได้อย่างมหาศาลซึ่งทำให้แชสซีจะต้องแข็งแกร่งอย่างมาก ส่วนประกอบแต่ละชิ้นได้รับการออกแบบมาเพื่อความกะทัดรัด แข็งแรง และมีน้ำหนักเบา ส่วนในเรื่องของแชสซีนั้นมาพร้อมกับโช้คหน้าเเบบวาล์วแบบ Dual Bending ของ SHOWA™ ขนาด 41 มม. ทริปเปิลแคลมป์ชุดตะเกียบอะลูมิเนียม ส่วนโช้คหลังเป็นเเบบระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นโช้คอัพแบบคู่ติดตั้งภายนอกด้วยเทคโนโลยีอิมัลชันแบบต่อตรง (ไม่มีการเชื่อมโยง) พร้อมคอยล์สปริงและปลอกคอเกลียวสำหรับปรับพรีโหลด โดยที่ล้อหน้าเป็นเเบบวงล้ออะลูมิเนียม สีดำซาติน ส่วนล้อหลังเป็นเเบบวงล้ออะลูมิเนียม สีดำซาติน ทำงานร่วมกับระบบจานเบรกที่ด้านหน้าเป็นเเบบจานเบรกเดี่ยวแบบลอย ติดตั้งตรงกลาง ส่วนด้านหลัง:เป็นเเบบจานเบรกแบบตัน มีคาลิเปอร์เบรกล้อหน้าเเบบคาลิปเปอร์ 4 สูบ ติดตั้งบนแกน ส่วนล้อหลังเป็นเเบบลูกสูบลอยแบบเดี่ยว ระบบขับเคลื่อนหลัก เป็นเกียร์ มีอัตราทด 49/89 โดยที่ไฟหน้าเป็นแบบ LED ทั้งหมด, ไฟต่ำและไฟสูงมาพร้อมตำแหน่งไฟที่เป็นเอกลักษณ์, ไฟท้ายแบบ LED ทั้งหมด, สัญญาณไฟเลี้ยว LED ทรง Bullet อแสดงผลมาตรวัดแบบแอนะล็อกทรงกลมขนาด 4 นิ้ว พร้อมด้วยมาตรวัดความเร็ว, สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย/ขวา เเละอื่นๆ อีกมากมาย โดยที่จอแสดงผลแบบแอนะล็อกมีขนาด 102 มิลลิเมตร พร้อมความปลอดภัยด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS), ระบบควบคุมการยึดเกาะ (TCS) เเละระบบ DRAG-TORQUE SLIP CONTROL (DSCS) ตัวบอดีมี 2 สีให้เลือกกันทั้งสีดำ VIVID BLACK เเละสีเเดง REDLINE RED

ราคาขายของ Harley-Davidson Nightster ปี 2023 นั้นเคาะราคาขายออกมาที่ 658,000 บาทสำหรับตัวถังที่มีสีดำ VIVID BLACK เเละราคา 662,000 บาทสำหรับสีเเดง REDLINE RED
#20

BMW M 1000 R คือ Superbike ที่บรรจบกับ Dynamic Roadster ของบีเอ็มดับเบิลยู อีกรุ่นที่พกพาสมรรถนะที่เเสนจะร้อนเเรงเเละรูปลักษณ์ที่ดุดัน เหมาะกับการขับขี่อย่างยิ่ง

มิติตัวรถของ BMW M 1000 R นั้นก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย เมื่อได้รับการออกเเบบมาอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นความยาวที่ 2,085 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจก 1,176 มิลลิเมตร ความกว้างรวมกระจกข้าง 996 มิลลิเมตร ส่วนระดับความสูงของที่นั่งเมื่อมีน้ำหนักด้านข้างตัวรถอยู่ที่ 830 มิลลิเมตร ค่าความกว้างของช่วงขาเมื่อมีน้ำหนักด้านข้างตัวรถอยู่ที่ 1,835 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 16.5 ลิตร ปริมาณน้ำมันสำรองประมาณ 4 ลิตร น้ำหนักรวมบรรทุกสูงสุดอยู่ที่ 407 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักด้านข้างตัวรถ พร้อมสำหรับการขับขี่ น้ำมันเต็มถังอยู่ที่ 199 กิโลกรัม

BMW M 1000 R มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ทรงสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ที่กระบอกลูกสูบวางเรียงกันสี่สูบสี่จังหวะที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ/น้ำมันพร้อมด้วยวาล์วไทเทเนียมสี่ตัวต่อกระบอกสูบและระบบควบคุมเพลาลูกเบี้ยวแบบแปรผันด้านไอดี BMW ShiftCam ที่มีกระบอกสูบขนาด 80 มิลลิเมตร X 49.7 มิลลิเมตร ความจุเครื่องยนต์ขนาด 999 ซีซี ให้กำลัง 210 แรงม้า ที่ 13,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาที ส่วนอัตรากำลังอัดอยู่ที่ 13.3:1 มีการเตรียมเชื้อเพลิงเป็นเเบบระบบหัวฉีดแบบท่อดูดไฟฟ้า / ระบบจัดการเครื่องยนต์ดิจิทัล: ระบบการจัดการแบตเตอรี่ (BMS-O) พร้อมชุดควบคุมการจ่ายก๊าซปีกผีเสื้อแรงเคลื่อนไฟฟ้า โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 280 กิโลเมตร/ชั่วโมง เเละมีอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 6.4 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร โดยประเภทน้ำมันที่ใช้จะเป็นเเบบ น้ำมันไร้สารตะกั่ว Super Plus (เอทานอลไม่เกิน 5%, E5) / RON 93-98 ส่วนไดชาร์จเป็นเเบบ ไดชาร์จแม่เหล็กถาวร 450 วัตต์ (กำลังการผลิตติดตั้ง) เเละแบตเตอรี่ 12 โวลต์/5 แอมแปร์-ชั่วโมง (ไม่ต้องบำรุงรักษา), Lithium-Ion ระบบคลัทช์เป็นเเบบแผ่นคลัตช์หลายแผ่นอาบน้ำมัน ระบบป้องกันการกระดอน พร้อมระบบกระตุ้นตัวเอง พร้อมระบบเกียร์ 6 สปีดที่เฟืองขับกัน รวมไว้ในฝาครอบเครื่องยนต์พร้อมระบบขับเคลื่อนเเบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ 525 17/47 เเละการควบคุมแรงฉุดเป็นเเบบ BMW Motorrad DTC

เฟรมของ  BMW M 1000 R เป็นเฟรมเชื่อมอะลูมิเนียมคอมโพสิตแบบรองรับเครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนหน้าเเบบตะเกียบล้อเทเลสโคปิกกลับหัวเส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร DDC Dynamic Damping Control ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พรีโหลดของสปริง ระยะของการอัดและการดึงที่ปรับได้ ส่วนระบบกันสะเทือนล้อหลังเป็นเเบบ แขนสวิงแบบสองแขนอะลูมิเนียม, DDC Dynamic Damping Control (สปริงโช๊คอัพกลาง), พรีโหลดของสปริงที่ปรับได้, แดมเปอร์ระยะของการอัดและการดึงควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ โดยที่ระยะระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอยู่ที่ 120 มิลลิเมตร / 117 มิลลิเมตร ระยะฐานล้ออยู่ที่ 1,455 มิลลิเมตร มุมแคสเตอร์อยู่ที่ 97.6 มิลลิเมตร มุมแฮนด์รถอยู่ที่ 65.8 องศา โดยล้อเป็นเเบบ ล้อแม็กแบบคาร์บอน โดยขนาดล้อหน้าอยู่ที่ 3.50" x 17" ขนาดล้อหลังอยู่ที่ 6.00" x 17" โดยที่ขนาดยางล้อหน้าอยู่ที่ 120/70 ZR 17 ส่วนขนาดยางล้อหลังอยู่ที่ 200/55 ZR 17 ระบบเบรคล้อหน้าเป็นเเบบจานเบรกคู่, เส้นผ่านศูนย์กลาง 320 มิลลิเมตร, คาลิเปอร์แบบตายตัว 4 สูบ ส่วนระบบเบรคล้อหลังเป็นเเบบจานเบรกเดี่ยว, เส้นผ่านศูนย์กลาง 220 มิลลิเมตร ส่วนระบบ ABS เเบบ BMW Motorrad Race ABS (part-integral), Brake-Slide-Asist โคมไฟหน้าดวงเดียวเเบบสปอร์ตบรรจุเเทคโนโลยีไฟ LED รุ่นมาตรฐานและการออกแบบใหม่ หน้าจอเเสดงผลการขับขี่เป็นเเบบ Pure M Experience: จอภาพ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมด้วยไฟเปลี่ยนเกียร์แบบใหม่ เซ็นเซอร์ความเร็วทั้งหมดจะกะพริบเมื่อถึงความเร็วที่ตั้งไว้ ตัวบอดี้มีเพียงสีเดียว นั่นคือสี Blackstorm metallic/M Motorsport

สนราคาของ BMW M 1000 R นั้นเคาะราคาเริ่มต้นออกมาที่ 1,599,000 บาท